อ่านแล้ว 0
🎶 มาเด้อมาฟัง มาเว้ามาม่วน มาฮ้องนำกัน ขับขานบ้านเฮา 💃
ดินแดนอีสานของประเทศไทยไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมประเพณีและอาหารการกินอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังเป็นขุมทรัพย์แห่งดนตรีพื้นบ้านที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และจิตวิญญาณ เครื่องดนตรีอีสานแต่ละชิ้นล้วนมีประวัติความเป็นมา เรื่องราว และบทบาทหน้าที่ในการสร้างสรรค์บทเพลงที่สะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ และความสนุกสนานของผู้คนในท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง VIPA จึงอยากขอพาทุกท่านไปเปิดจักรวาลเครื่องดนตรีอีสาน (ส่วนหนึ่งจากนานาชนิด) เพื่อทำความรู้จักกับเครื่องมือบรรเลงเสียงเพลง ประกอบการฮ้อง-เล่น-เต้น-ลำในพื้นที่แห่งนี้
คลิกเพื่อรับฟังเสียงเครื่องดนตรีทั้งหมดประกอบได้ที่นี่
แคน คือราชาแห่งเครื่องดนตรีอีสาน และเป็นเครื่องดนตรีอันเป็นที่รู้จักมากที่สุดชนิดหนึ่ง มีความเป็นมาย้อนหลังไปหลายพันปี ตัวแคนทำจากไม้ซาง (ไม้กู่แคน) หลายลำประกอบเข้าด้วยกันเรียกว่า "เต้าแคน" ภายในลูกแคนแต่ละลูกจะมี "ลิ้น" ซึ่งทำจากโลหะบางๆ เช่น ดีบุก เงิน หรือทองแดง การเป่าแคนต้องใช้ทั้งลมเป่าเข้าและดูดออก ทำให้บรรเลงได้ทั้งทำนองเพลง เสียงประสาน และให้จังหวะในตัวเอง จึงมีลีลาการบรรเลงที่วิจิตรพิสดารมาก เวลาเป่า ผู้เล่นจะใช้มือทั้งสองประคองจับเต้าแคนในลักษณะเฉียงเล็กน้อย ระบบเสียงของแคนมีความซับซ้อน สามารถเล่นได้ทั้งระบบเพนตะโทนิก (5 เสียง) และไดอะโทนิก (7 เสียง) ทำให้เล่นเข้ากับดนตรีตะวันตกและดนตรีไทยได้เป็นอย่างดี
โหวด เป็นเครื่องเป่าชนิดหนึ่งที่ไม่มีลิ้น เกิดเสียงจากกระแสลมที่เป่าผ่านช่องเปิดของตัวโหวด ซึ่งทำจากไม้รวกหรือไม้เฮี้ย (ไม้กู่แคน) ขนาดเล็ก สั้น-ยาวแตกต่างกันไปเพื่อไล่ระดับเสียง โดยทั่วไปมีจำนวน 6-9 เลา นำมาติดด้วยขี้สูด (ชันโรง) รอบกระบอกไม้ไผ่ที่ใช้เป็นแกนกลาง มีความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร เวลาเป่าผู้เล่นจะหมุนตัวโหวดไปรอบๆ เพื่อให้ริมฝีปากตรงกับเสียงที่ต้องการ เสียงของโหวดมีความก้องกังวานและสดใส เป็นเครื่องดนตรีประจำจังหวัดร้อยเอ็ด และมักใช้บรรเลงในวงโปงลาง
ปี่ภูไท หรือ ปี่ลูกแคน เป็นเครื่องเป่าของชาวภูไท มีลักษณะเป็นปี่ลิ้นเดี่ยวที่ทำจากไม้ไผ่รวก มีลิ้นโลหะเช่นเดียวกับแคน เอกลักษณ์ของปี่ภูไทคือมี "รูเยื่อ" ซึ่งปิดด้วยเยื่อบางๆ ทำให้เกิดเสียงที่สั่นและมีเสน่ห์เฉพาะตัว นิยมใช้บรรเลงเดี่ยว หรือผสมในวงดนตรีภูไท ประกอบด้วย พิณ แคน และเครื่องประกอบจังหวะ
ปี่สไล หรือ ปี่ไฉน เป็นปี่ประเภทลิ้นคู่เช่นเดียวกับปี่ในของภาคกลาง และเป็นเครื่องดนตรีสำคัญในวงมโหรีอีสานใต้ ตัวปี่ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มีลิ้นที่ทำจากใบตาลซ้อนกัน 4 ชั้น เสียงของปี่สไลจะแหลมและดัง มีบทบาทเป็นผู้นำวง
สะไน หรือ "สเนง" เป็นเครื่องเป่าพื้นบ้านของชาวอีสานใต้ โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์กูย และเยอ คำว่า "สะไน" เป็นภาษาเขมรแปลว่า "เขา" เนื่องจากทำมาจากเขาควายหรือเขาวัว มีเสียงดังกระหึ่มกังวาน ไม่สามารถไล่ระดับเสียงได้มากนัก มักใช้เป่าเป็นสัญญาณในพิธีกรรม หรือบรรเลงประกอบในวงดนตรีพื้นบ้านเพื่อเพิ่มความสนุกสนานครื้นเครง
หืน หรือ จ้องหน่อง เป็นเครื่องดนตรีกึ่งดีดกึ่งเป่า มีทั้งที่ทำด้วยไม้ไผ่และโลหะ เซาะร่องตรงกลางให้เป็นลิ้นในตัว เวลาเล่นต้องประกบหืนเข้ากับริมฝีปาก แล้วใช้นิ้วดีดที่ปลายข้างหนึ่ง อาศัยกระพุ้งแก้มและโพรงปากเป็นกล่องเสียง สามารถสร้างเสียงสูงต่ำได้ตามขนาดของโพรงปากที่ทำ และสามารถสร้างเสียงที่คล้ายกับเสียงสระของมนุษย์ได้ เครื่องดนตรีลักษณะนี้พบในกลุ่มชาติพันธุ์มูเซอทางภาคเหนือเช่นกัน โดยเรียกว่า "เปี๊ยะ"
หากแคนคือราชา พิณก็คือราชินี พิณ เป็นเครื่องดีดที่โดดเด่นที่สุดของอีสาน มี 2-4 สาย แต่มักจะนิยมแบบ 3 สายที่สุด โดยจะขึงเป็นสองคู่ ตั้งเสียงเป็นคู่ 5 ตัวพิณและคันทวนนิยมแกะจากไม้ชิ้นเดียวกัน มี "นม" (Frets) สำหรับกดเพื่อเปลี่ยนระดับเสียง สายพิณนิยมทำด้วยโลหะ โดยเฉพาะสายลวดเบรกจักรยานเพื่อให้เสียงดังฟังชัด ที่ดีด (Plectrum) นิยมทำด้วยเขาสัตว์ที่เหลาจนบางและแบนพอที่จะดีดสะบัดได้อย่างคล่องแคล่ว เสียงพิณมีความสดใส เร้าใจ เป็นพระเอกในวงดนตรีหมอลำซิ่งและวงโปงลาง
กระปือ หรือจะเข้ แบบพื้นบ้านอีสาน เป็นเครื่องดนตรีสำคัญชิ้นหนึ่งในวงมโหรีอีสานใต้ หรือ "วงมโหรีเขมร" ในภาษาชาวบ้าน เป็นเครื่องดีดในแนวนอน มี 3 สาย ในอดีตสายทำจากเส้นไหมฟั่น ปัจจุบันนิยมใช้สายเบรกจักรยาน การบรรเลงจะใช้มือซ้ายกดสายบนตำแหน่งเสียงที่ต้องการ ส่วนมือขวาใช้สำหรับดีดสายให้เกิดเสียง ชื่อ "กระปือ" สันนิษฐานว่ามาจากรูปร่างที่ดูแข็งแรงบึกบึน
จับเปย หรือ กระจับปี่ แบบพื้นบ้านอีสาน เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีดของอีสานใต้ กล่องเสียงทำด้วยไม้ขนุนหรือไม้สัก ส่วนปลายสุดของคันทวนมีลูกบิด 2 อันสำหรับขึงสาย 4 เส้น เวลาบรรเลงจะตั้งขนานกับลำตัว มือขวาจับ "กระ" (ที่ทำจากเขาสัตว์) สำหรับดีด ส่วนมือซ้ายกดสายบนคันทวนเพื่อเปลี่ยนระดับเสียง
ซอกันตรึม เป็นเครื่องสายใช้สีที่เป็นหัวใจของวงกันตรึม ตัวซอทำด้วยไม้ กล่องเสียงขึงด้วยหนังงู มีช่องเสียงอยู่ด้านตรงข้ามหน้าซอ ใช้สายลวด 2 สาย โดยคันชักจะอยู่ระหว่างสาย คันซอยาวประมาณ 60 เซนติเมตร ซอกันตรึมมี 3 ขนาดแตกต่างกันไป คือ ขนาดเล็กเรียก ตรัวจี้ ขนาดกลางเรียก ตรัวเอก และขนาดใหญ่เรียก ตรัวธม
โปงลาง เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีที่ใช้บรรเลงทำนองเพียงชนิดเดียวของภาคอีสาน ตัวโปงลางทำด้วยท่อนไม้เนื้อแข็งขนาดต่างๆ กัน ร้อยด้วยเชือกเรียงตามลำดับเสียงสูงต่ำ ปลายข้างเสียงสูงผูกแขวนไว้กับที่ยึด และข้างเสียงต่ำปล่อยทอดลงมา อาจใช้หัวแม่เท้าของผู้เล่นช่วยยึดไว้ ในการเล่นมักใช้ผู้เล่น 2 คน คือคนบรรเลงทำนอง และคนบรรเลงเสียงกระทบแบบคู่ประสาน ไม้ที่ใช้ตีทำด้วยไม้เนื้อแข็งเป็นรูปคล้ายค้อน ตีด้วยมือสองข้าง ข้างละอัน ขนาดของโปงลางไม่มีมาตรฐานแน่นอน
กลองกันตรึม เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีที่ขึงหน้าด้วยหนัง จัดอยู่ในกลุ่มที่ให้กำเนิดเสียงด้วยการสั่นสะเทือนของหนังที่ขึงตึงอยู่บนตัวกลอง มีหน้าที่บรรเลงเพื่อควบคุมจังหวะโดยการตีหน้าทับให้เข้ากับทำนองเพลงและส่วนของความสม่ำเสมอของจังหวะ ตัวกลองนิยมทำจากไม้ขนุน หรือใช้ไม้จากต้นมะพร้าว มีรูปร่างทรงกระบอก ยาวเรียวเล็กลง ขึงหน้ากลองด้วยหนังงู ใช้ตีประกอบจังหวะในวงกันตรึม ในหนึ่งวงจะใช้กลอง 2 ใบ ตีคู่กัน คือ "ตัวผู้" (เสียงสูง) และ "ตัวเมีย" (เสียงต่ำ) ทำให้เกิดจังหวะที่ซับซ้อนและเร้าใจ
กลองยาวอีสาน เป็นกลองหน้าเดียวที่มีลำตัวยาวและส่วนท้ายบานออก ทำจากไม้เนื้ออ่อนเพื่อให้มีน้ำหนักเบา เวลาเล่นผู้เล่นจะใช้สายสะพายคล้องบ่าแล้วใช้มือตี เป็นเครื่องดนตรีที่ให้จังหวะคึกคักเร้าใจ นิยมใช้ในขบวนแห่ต่างๆ เช่น แห่บั้งไฟ แห่นาค
ตัวกลองของกลองยาวอีสาน จะมีลักษณะยาวกว่ากลองยาวภาคกลาง ในขณะที่ส่วน "หาง" ซึ่งเป็นส่วนปลายที่บานออก จะ สั้นกว่า แต่บานมากกว่า ทำให้สามารถ วางตั้งกับพื้นได้อย่างมั่นคง
เอกลักษณ์ของ โทนโคราช คือตัวโทนทำจากดินเผาจากด่านเกวียน จังหวัดนครราชสีมา ขึงหน้าด้วยหนังงูเหลือมหรือหนังตะกวด ทำให้มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือทุ้มและกังวาน ใช้ตีกำกับจังหวะในการละเล่นพื้นบ้านของโคราช โดยเฉพาะ "เพลงโคราช"
.
💡 ทราบไหมว่า ปัจจุบันดนตรีอีสานไม่ใช่แค่กิจกรรมอดิเรก หากแต่สามารถเป็นอาชีพ โดยมีหลักสูตรการเรียนการสอนในหลาย ๆ สถาบันการศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ เป็นต้น ผู้ที่สนใจจึงสามารถศึกษาและต่อยอดเป็นนักดนตรีอาชีพได้อย่างจริงจัง
ถ้าอยากเห็นตัวอย่างว่าเป็นอย่างไร ไปติดตามได้เลยในสารคดี “ตำราพาลำ (If You Can Dream)” เปิดบันทึกเบื้องหลังการพากเพียรร่ำเรียนบนเส้นทางฝัน สู่การเป็น “หมอลำ”
รับชม #ตำราพาลำ ได้แล้ววันนี้ทาง www.VIPA.me และ VIPA Application 🧡
หรือคลิกที่ https://vipa.me/th/watch/13504 📺
แหล่งอ้างอิง
คนชอบเล่าเรื่องที่ไม่เคยหมดเรื่องเล่า โตมากับวัฒนธรรมป๊อป และยังสนุกกับการตั้งคำถามกับโลกใบนี้อยู่ทุกวัน แม้ความช่างเพ้อฝันจะทำเงินไม่ค่อยได้... ก็ยังเลือกที่จะฝันอยู่ดี :)